ข่าว

การทํางานในห้องปฏิบัติการที่ต้องเกี่ยวข้องกับสารเคมี นับเป็นสภาวะที่มีความเสี่ยงสำหรับผู้มาปฏิบัติงาน ผู้มารับบริการ รวมไปถึงสภาพแวดล้อมชุมชนโดยรอบ และสืบเนื่องจากประเทศไทยได้เริ่มเคร่งครัดเรื่องการดูแลความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะที่เป็นแหล่งค้นคว้าวิจัย ผลิตและให้ความรู้ต่อสังคม ได้ตระหนักและแสดงความรับผิดชอบในความปลอดภัยต่อบุคลากรที่ทำงานเกี่ยวข้องกับห้องปฏิบัติการวิจัย รวมถึงสังคมท้องถิ่นด้านรักษาสิ่งแวดล้อม จึงเป็นที่มาของศูนย์บริหารจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (Center for Safety, Occupational Health and Environment, Chiang Mai University (CMU SH&E)) โดยการสนับสนุนจากสำนักงานวิจัยแห่งชาติ หรือ วช. เพื่อดำเนินการพัฒนาไปสู่มาตรฐานความปลอดภัยด้านห้องปฏิบัติการอย่างเป็นระบบ

CMU SH&E เป็นหน่วยงานกลางในการดูแลรับผิดชอบครอบคลุมมาตรฐานความปลอดภัย 3 ด้าน คือ ความปลอดภัยห้องปฏิบัติการ ความปลอดภัยทางชีวภาพ และความปลอดภัยทางรังสี ภายใต้การกำกับดูแลของคณะกรรมการอำนวยการศูนย์บริหารจัดการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมถึงสนับสนุนความรู้ทางเทคนิค มีการอบรมให้กับนักศึกษา อาจารย์ บุคลากรและนักวิจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น การปฏิบัติตัวเองให้ปลอดภัยเมื่ออยู่ในห้องปฏิบัติการ การสร้างความเข้าใจถึงวิธีการจัดเก็บแยกขยะสารรังสี การจัดการสารเคมี ของเสียอันตราย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การสร้างความตระหนักและความตื่นตัวเรื่องอุบัติภัยที่อาจเกิดขึ้นในห้องปฏิบัติการ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเป็นนโยบายจัดการแนวทางที่ชัดเจนให้มีมาตรฐานเดียวกัน ปัจจุบันมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้รับการสนับสนุนจาก วช. ให้เป็นสถาบันแม่ข่ายดำเนิน “โครงการมหาวิทยาลัยแม่ข่ายด้านมาตรฐานความปลอดภัยห้องปฏิบัติการ”เพื่อบริหารจัดการความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับสารเคมีในภาคเหนือตอนบน และ “โครงการเครือข่ายวิจัยภูมิภาคด้านมาตรฐานความปลอดภัยห้องปฏิบัติการ (ภาคเหนือ)” เพื่อเป็นต้นแบบมาตรฐานความปลอดภัยห้องปฏิบัติการให้แก่สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยในส่วนภูมิภาคภาคเหนือมหาวิทยาลัยลูกข่ายและหน่วยงานที่สนใจ

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของห้องปฏิบัติการให้มีความก้าวหน้า มีการพัฒนาที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ สามารถขับเคลื่อนและเป็นแรงผลักดันให้เกิดการดำเนินงานระยะยาวอย่างยั่งยืน ตลอดจนทำให้บุคลากรทั้งมหาวิทยาลัยสามารถเข้าถึงการทำงานที่ปลอดภัยและมีสุขภาพดี