ข่าวสาร : ผลงานวิจัยจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรื่อง Biology, Nesting Behavior, Genetic Diversity, and Conservation of Leatherback Sea Turtles: Insights From Thailand and Global Perspectives ได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติ Ecology and Evolution (Published : 20 February 2025)

ผลงานวิจัยจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรื่อง Biology, Nesting Behavior, Genetic Diversity, and Conservation of Leatherback Sea Turtles: Insights From Thailand and Global Perspectives ได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติ Ecology and Evolution (Published : 20 February 2025)

24 กุมภาพันธ์ 2568

คณะสัตวแพทยศาสตร์

หนึ่งในผลงานวิจัยจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เรื่อง Biology, Nesting Behavior, Genetic Diversity, and Conservation of Leatherback Sea Turtles: Insights From Thailand and Global Perspectives ได้ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติ Ecology and Evolution (Published : 20 February 2025) ซึ่งอยู่ในฐานข้อมูล ISI Quartile 2 (Journal Impact factor 2.3), SJR Quartile 1 และ Scopus Quartile 1

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://doi.org/10.1002/ece3.71014

งานวิจัยเรื่อง Biology, Nesting Behavior, Genetic Diversity, and Conservation of Leatherback Sea Turtles: Insights From Thailand and Global Perspectives เป็นการทบทวนองค์ความรู้เกี่ยวกับชีววิทยา พฤติกรรมการทำรัง ความหลากหลายทางพันธุกรรม และการอนุรักษ์เต่ามะเฟือง (Dermochelys coriacea) ซึ่งเป็นสัตว์เลื้อยคลานขนาดใหญ่ที่สุด และอาศัยอยู่ในมหาสมุทรทั่วโลก เต่าชนิดนี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ หรือใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง โดย International Union for Conservation of Nature (IUCN) สำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะชายฝั่งทะเลอันดามันนั้นถือเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญสำหรับการขึ้นมาวางไข่ของเต่ามะเฟือง โดยเต่าชนิดนี้จะมีลักษณะทางกายภาพที่โดดเด่น เช่น มีกระดองที่มีลักษณะเป็นหนัง ไม่มีเกล็ด เปลือกแข็ง และหนามที่หันไปทางด้านหลังในลำคอซึ่งช่วยในการกินอาหาร เต่ามะเฟืองจะถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุประมาณ 13–14 ปี และจะมีการกลับไปวางไข่ในพื้นที่เดิม ซึ่งยังพบว่าเต่าชนิดนี้มีอัตราการฟักไข่ที่ต่ำ โดยมีเพียง 50% ของไข่ที่ฟักออกมา และเพียง 2% ของลูกเต่าที่ฟักออกมาจะรอดชีวิต การศึกษาทางพันธุกรรมของประชากรเต่ามะเฟืองยังพบว่า มีความหลากหลายของไมโตคอนเดรีย DNA ทั้งในประเทศไทย และในระดับโลก อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ดังนั้นการปกป้องแหล่งวางไข่ การย้ายรังไปยังพื้นที่ที่เหมาะสม การจัดการประมงอย่างยั่งยืน และการพัฒนาความร่วมมือของชุมชนในพื้นที่ ภายในประเทศ และระหว่างประเทศเพื่อรักษาประชากรเต่ามะเฟืองให้คงอยู่ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องทำต่อไป

งานวิจัยและนวัตกรรม ข่าวเด่น

ข่าว

แกลลอรี่

ติดต่อมหาวิทยาลัย

บริการสำคัญ

เยี่ยมชมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ช่องทางสื่อสาร