CMU
Curricular
Seperating Faculties
Search for Curriculums
Bachelor’s Degree
Master’s Degree
Doctoral Degree
Other Curriculums
|
Studying at CMU
Application of Bachelor's Degree
Application for Graduate Studies
Application of International Program
CMU Presidential Scholarship
|
Faculties and Departments
Faculties
CMU’s Organizations
Other Division
|
TH
EN
CN
TH
EN
CN
Curricular
Seperating Faculties
Search for Curriculums
Bachelor’s Degree
Master’s Degree
Doctoral Degree
Other Curriculums
Studying at CMU
Application of Bachelor's Degree
Application for Graduate Studies
Application of International Program
CMU Presidential Scholarship
Faculties and Departments
Faculties
CMU’s Organizations
Other Division
News
Research and Innovation News
Outstanding News
Outstanding Staff
Prize and Pride
Conference and Seminar
Executives' News
Job Application
Procurement
Event Calendar
COVID-19 and PM2.5
About CMU
Background
The 60th Anniversary of Chiang Mai University
Resolution/ Vision/ Mission/Values and Organizational Culture
Authority
The University’s Logo
About CMU
Open Data Integrity and Transparency Assessment : OIT
CMU 360
Sustainable Development Goals
Organizational Structure and Administration of Chiang Mai University
Education Development Plan 5 years
Committee of University Council
Executives
Deans
Directors
Employee Council
Download CMU Powerpoint Template
Q&A
Privacy Policy
Contact
Suggestion
ข่าว
3 โรคมะเร็งร้าย ที่หญิงไทยต้องระวัง
5 ตุลาคม 2566
คณะแพทยศาสตร์
จากสถิติโรคมะเร็งของหญิงไทยทั้งประเทศ จากองค์การอนามัยโลก ในปี 2563 พบว่าโรคมะเร็งร้ายที่ต้องระวังอันดับแรกมากที่สุดคือ มะเร็งเต้านม อันดับที่สองคือมะเร็งลำไส้ใหญ่ และอันดับที่สามคือ มะเร็งปากมดลูก ตามด้วยอันดับที่ 4 มะเร็งตับ อันดับที่ 5 คือมะเร็งปอด
โรคมะเร็งร้าย 3 โรคที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งปากมดลูก
มะเร็งเต้านม
มะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในเต้านม โดยเฉพาะเซลล์ท่อน้ำนม โดยเซลล์จะเริ่มแบ่งตัวผิดปกติแล้วลุกลามไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียง จากนั้นหากปล่อยไว้ อาจแพร่กระจายไปยังเซลล์อื่น ๆ ในร่างกายได้ ผ่านทางเดินน้ำเหลือง อัตราการเกิดโรคของทั่วโลก พบว่าผู้หญิง 8 ราย จะพบโรคมะเร็ง 1 ราย อุบัติการณ์ของมะเร็งเต้านมในไทยคิดเป็น 37.8 ราย ต่อประชากรแสนราย ซึ่งในจำนวนนี้มีอัตราการเสียชีวิต 12.7 ราย ต่อประชากร 1 แสนราย
สาเหตุ
-ส่วนใหญ่เกิดจากฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจนที่มีมากเกินไป
-ปัจจัยทางพันธุกรรม ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม การรับประทานอาหารประเภทไขมันสูง
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้แก่
-อายุที่มากขึ้น
-มีประวัติโรคมะเร็งเต้านมในครอบครัว
-น้ำหนักตัวมาก หรือเคยมีประวัติตรวจพบก้อนที่เต้านมมาก่อน
อาการของโรคได้แก่
-มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง
-ขนาดหรือสีผิวของเต้านม
-มีของเหลวไหลออกจากหัวนม หรือคลำเป็นก้อนได้ที่เต้านมหรือรักแร้
การตรวจมะเร็งเต้านม
-สามารถตรวจมะเร็งเต้านมได้ด้วยตนเอง สามารถคลำตรวจด้วยตนเองทำได้ทุกเดือน เมื่อคลำแล้วพบก้อนที่ผิดปกติ แล้วไม่สบายใจ ไม่แน่ใจ ให้เข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
-การตรวจเต้านมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เมื่อคลำแล้วพบก้อนที่ผิดปกติ แล้วไม่สบายใจ ไม่แนใจ
-การตรวจด้วยเครื่องถ่ายภาพรังสีเต้านม
จากรายงานทะเบียนมะเร็งระดับโรงพยาบาล ประเทศไทยส่วนมาก พบในระยะที่ 2 และระยะที่ 3 หากพบโรคตั้งแต่ระยะแรก โอกาสการรักษาที่จะหายขาดมากขึ้น
***ข้อแนะนำ ผู้หญิงไทยควรตรวจมะร็งเต้านมได้ด้วยตนเอง ภายใต้โครงการสืบสานพระราชปณิธานสมเด็จย่า ต้านภัยมะเร็งเต้านม ตั้งแต่ปี 2542 ให้รณรงค์ประชากรหญิงไทยตรวจเต้านมด้วยตนเอง ซึ่งการศึกษาวิจัยได้ออกมาแล้ว ได้รับการตีพิมพ์ พบว่าการตรวจด้วยตนเอง สามารถพบก้อนมะเร็งที่เต้านมได้เร็วขึ้น หากพบก้อนที่มีขนาดเล็กกว่า 2 เซนติเมตร มีอัตราการรอดชีวิตที่ดีกว่าคนที่พบก้อนเนื้อที่มีขนาดใหญ่แล้ว
อย่างไรก็ตาม การตรวจภาพรังสีเต้านม เป็นการตรวจหาโรคมะเร็งเต้านมที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดอัตราการพบมะเร็งเต้านมในระยะลุกลาม และสามารถเพิ่มการรอดชีวิต
การตรวจคัดกรอง
ควรตรวจเมื่อประจำเดือนหมดไปแล้ว 7 – 10 วัน เพราะเป็นระยะที่เต้านมนิ่มแล้ว หากตรวจก่อนที่มีประจำเดือน หรือหมดประจำเดือนหมาดๆ จะตรวจเต้านมได้ยากและเจ็บ
-ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 20 ปี คลำเต้านมตัวเอง (BSE) ทุกเดือน ในช่วงอายุที่ไม่จำเป็นตรวจแมมโมแกรม
-ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปี คลำเต้านมตัวเอง (BSE) ทุกเดือน + ตรวจแมมโมแกรม ทุก 2 ปี
-ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 40 ปี คลำเต้านมตัวเอง (BSE) ทุกเดือน + ตรวจแมมโมแกรม ทุก 1 ปี
-ผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 50 ปี คลำเต้านมตัวเอง (BSE) ทุกเดือน + ตรวจแมมโมแกรม ทุก 1-2 ปี
กลุ่มเสี่ยงตรวจคัดกรองทุกปี
-ญาติสายตรงเป็นมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งที่รังไข่ที่อายุน้อยกว่า 50 ปี
-ผู้ที่มีประวัติเป็นมะเร็งเต้านม
-ผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยการฉายแสงบริเวณหน้าอก
-ผู้ที่มีประวัติชิ้นเนื้อเต้านมพบเซล์ผิดปกติ
-ผู้ที่ได้รับประทานฮอร์โมนเสริมทดแทนวัยหมดประจำเดือนเป็นประจำมากกว่า 5 ปี
แนวทางการรักษา
แนวทางการรักษาการรักษาหลักคือการผ่าตัด ซึ่งแบ่งออกเป็นการผ่าตัดแบบสงวนเต้าและการผ่าตัดเต้านมออกทั้งหมด ในผู้ป่วยที่มีข้อบ่งชี้ อาจจำเป็นต้องให้การฉายรังสี และหรือการให้ยาเคมีบำบัด และหรือ การให้ฮอร์โมนบำบัดร่วมด้วย
มะเร็งลำไส้ใหญ่
มะเร็งลำไส้ใหญ่คือมะเร็ง ส่วนที่เรียกว่า ลำไส้ใหญ่โคลอน และลำไส้ตรง ซึ่งอยู่ เหนือ ต่อทวารหนัก พบว่าผู้หญิงไทยเป็นอันดับที่ 2 รองจากมะเร็งเต้านม อุบัติการณ์ของมะเร็งลำไส้ใหญ่คิดเป็น 15.2 ราย ต่อประชากร 1 แสนราย ซึ่งในจำนวนนี้มีอัตราการเสียชีวิต 8 ราย ต่อประชากร 1 แสนราย อย่างไรก็ตามมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ชายเช่นกัน
การตรวจคัดกรอง
การตรวจหาความผิดปกติที่ลำไส้ได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มแรก สามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งลำไส้ได้อย่างชัดเจน
สาเหตุของมะเร็งลำไส้ใหญ่
-พันธุกรรม บุคคลที่มีพ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก ป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
-ผู้ที่มีความเจ็บป่วยเรื้อรังของลำไส้บางอย่าง จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่สูงกว่าคนทั่วไป
-มีอาการท้องผูกเป็นประจำ
-รับประทานเนื้อสัตว์จำนวนมาก ผักและผลไม้น้อย ไม่ออกกำลังกาย
วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ (เริ่มต้นอายุ 50 ปี)
-ตรวจอุจจาระหาเลือดที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าปีละครั้ง
-การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ ส่วนปลายร่วมกับการตรวจการตรวจสวนแป้งลำไส้ใหญ่ทุก 5 ปี
-การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ด้วยภาพเสมือนจริง ทุก 5 ปี ทั้งนี้ ควรทำในสถาบันที่มีเครื่องมือที่มีความละเอียด แพทย์ต้องมีความเชี่ยวชาญ ซึ่งปัจจุบันสามารถตรวจพบเนื้องอกที่มีขนาดมากกว่า 9 มิลลิเมตรได้มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์
แนวทางการป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
-รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ผัก และผลไม้ รวมไปถึงอาหารที่มีส่วนประกอบของไขมันต่ำ
-รับการตรวจคัดกรอง
-ในผู้ที่ไม่มีอาการ และไม่มีในปัจจัยเสี่ยง ควรเริ่มต้นที่อายุ 50 ปี
-สำหรับผู้ที่มีประวัติมะเร็งลำไส้ใหญ่ในครอบครัว ควรเริ่มตรวจคัดกรองที่อายุ 40 ปี หรือที่อายุ 5 ปี ก่อนอายุของคนในครอบครัวที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่
-ส่วนผู้ที่มีประวัติเป็นลำไส้อักเสบชนิด Crohn’s disease และ Ulcerative colitis หรือผู้ป่วย ที่มีติ่งเนื้องอกจำนวนมาก (Polyposis Coli) การตรวจอาจเริ่มในอายุที่เร็วขึ้น
แนวทางการรักษา
-การรักษาในระยะต้น การรักษาหลักคือ การผ่าตัด
-เคมีบำบัด
-ฉายรังสี
มะเร็งปากมดลูก
เป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นในเซลล์ปากมดลูกซึ่งอยู่บริเวณช่วงล่างของมดลูกและเชื่อมต่อกับช่องคลอด
อุบัติการณ์ของมะเร็งปากมดลูกคิดเป็น 16.4 ราย ต่อประชากร 1 แสนราย ซึ่งในจำนวนนี้มีอัตราการเสียชีวิต 7.4 ราย ต่อประชากร 1 แสนราย
เป็นมะเร็งไม่กี่ชนิดที่สามารถป้องกันได้ โดย
-การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ป้องกันชั้นเริ่มแรกที่ปากมดลูกไม่ให้ติดเชื้อ HPV ได้
-การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกป้องกันชั้นที่สอง มองหารอยโรค เพื่อทำการรักษาอย่างทันท่วงที
อาการแสดง
-มักไม่มีอาการในช่วงแรก จะมีอาการก็ต่อเมื่อเข้าสู่ระยะรุนแรงมากขึ้น อาจมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์ หรือจากการตรวจภายใน
-บางรายอาจจะมีภาวะเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดที่ไม่ใช่รอบเดือน มีเลือดออกหลังจากเข้าสู่วัยทองแล้ว
-มีภาวะตกขาวมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ
-มีอาการปวดท้องน้อย
สาเหตุหลักคือการติดเชื้อไวรัส HPV (Human Papilloma Virus) คือ ไวรัสฮิวแมนแพพพิลโลมา (Human papillomavirus)
-หากผู้หญิงติดเชื้อ HPV จะเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลงที่เซลล์ปากมดลูก ทำให้เกิดโรคต่างๆ เช่น หูดหงอนไก่ มะเร็งปากมดลูก ฯลฯ
-โดยมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ได้แก่ ผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี มีเพศสัมพันธ์หลายคน สูบบุหรี่ มีลูกมาก และผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
แป๊บสเมียร์
-เป็นการเก็บเซลล์ปากมดลูกมาป้ายบนสไลด์
-ความแม่นยำในการตรวจขึ้นอยู่กับความชำนาญผู้อ่านสไลด์
ลิควิดเบส
-เป็นการเก็บเซลล์บริเวณปากมดลูกมาเก็บไว้ในน้ำยา เพื่อรักษาเซลล์ และกำจัดสิ่งปนเปื้อนพวกมูก หรือพวกเม็ดเลือดแดง
HPV DNA Test
-เป็นเทคนิคทางด้านชีวโมเลกุล ที่จะตรวจหาตัวเชื้อ HPV ได้โดยตรง
-ทำให้สามารถตรวจหา ระยะของโรคก่อนที่จะกลายเป็นมะเร็ง
-วิธีการตรวจเหมือนตรวจภายใน คือเก็บเซลล์บริเวณตัวอย่างที่ปากมดลูกช่องคลอดด้านใน ส่งตรวจเหมือนวิธีการตรวจด้วยน้ำยา
การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย)
-อายุน้อยกว่า 25 ปี ไม่แนะนำให้ตรวจคัดกรอง
(ยกเว้นในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ติดเชื้อ HIV มีคู่นอนหลายคน เป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์)
-เมื่อ 25-65 ปี : เริ่มตรวจคัดกรองที่อายุ 25 ปี (เมื่อมีเพศสัมพันธ์)
:เริ่มตรวจคัดกรองที่อายุ 30 ปี (เมื่อยังไม่มีเพศสัมพันธ์)
ด้วยวิธีต่อไปนี้ HPV DNA testing/Co-testing ทุก 5 ปี หรือ Cytology อย่างเดียว ทุก 2 ปี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: ศ(เชี่ยวชาญพิเศษ) พญ.อิ่มใจ ชิตาพนารักษ์ อาจารย์หน่วยรังสีรักษาเเละมะเร็งวิทยา ภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มช. และหัวหน้าหน่วยทะเบียนมะเร็งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
เรียบเรียง:นางสาวนันทพร ระบิน
ภาพ / ข่าว : กลุ่มงานสื่อสารองค์กร
งานประชาสัมพันธ์
คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สุขภาพ
บทความ
ข่าวเด่น
แกลลอรี่
×
RoomID:
Room Name:
Description: