โดยดำริของรัฐบาลเมื่อ พ.ศ. 2484 มีนโยบายให้มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยส่วนภูมิภาค แต่ได้เกิดสงครามโลก ครั้งที่ 2 ขึ้น การดำเนินงานจึงชะงักลง ต่อมาในปี พ.ศ. 2499 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติในหลักการให้ตั้ง “โรงเรียนแพทย์” ที่จังหวัดเชียงใหม่ ตามที่มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์และกระทรวงสาธารณสุขเสนอและให้จัดตั้ง“โรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย” ขึ้นพร้อมกัน
ต่อมาในปี พ.ศ.2502 ได้มีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์เชียงใหม่ ในมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ และให้โรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัยเป็นแผนกวิชาด้านการพยาบาลเรียกชื่อว่า “แผนกพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย” เริ่มต้นเปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรผู้ช่วยพยาบาล ในปี พ.ศ. 2503 หลักสูตรอนุปริญญาพยาบาลและอนามัยในปี พ.ศ. ๒๕๐๔ และหลักสูตรประกาศนียบัตรผดุงครรภ์ ในปี พ.ศ. 2507
ในปี พ.ศ. 2508 เมื่อมหาวิทยาลัย เชียงใหม่ ได้รับอนุมัติจัดตั้งและเปิดสอนในระดับอุดมศึกษา คณะแพทยศาสตร์เชียงใหม่ได้ย้ายมาสังกัดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แผนกพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย จึงมีฐานะเป็นแผนกวิชาหนึ่งของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ใน ปี พ.ศ. 2509 ได้เริ่มเปิดสอนระดับปริญญาตรีในหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (พยาบาล) ในปี พ.ศ. 2511 ได้ปรับเปลี่ยนชื่อจากแผนกวิชา เป็นภาควิชาการพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย และคณะกรรมการบริหารสภาการศึกษาแห่งชาติมีมติอนุมัติให้จัดตั้งเป็นคณะพยาบาลศาสตร์ ในสังกัดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ.2515 มีการแบ่งการบริหารงาน ประกอบด้วย 8 ภาควิชา และสำนักงานเลขานุการ
ในปี พ.ศ. 2551 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ปรับเปลี่ยนระบบการบริหารมหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2551 และตามประกาศมหาวิทยาลัย เชียงใหม่ เรื่อง การแบ่งหน่วยงานในส่วนงานวิชาการและส่วนงานอื่น (ฉบับที่ 1) วันที่ 30 ธันวาคม 2551 ตามมติที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในคราวประชุม ครั้งที่ 13/2551 เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2551 มีมติเห็นชอบโครงสร้างการแบ่งหน่วยงานของคณะพยาบาลศาสตร์ ประกอบด้วย 1 สำนักงานคณะพยาบาลศาสตร์ 2 สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ 3 ศูนย์ความเป็นเลิศทางการพยาบาล และ 4 ศูนย์บริการพยาบาล
วิสัยทัศน์คณะพยาบาลศาสตร์
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นสถาบันชั้นนำระดับสากลด้านการศึกษาและการวิจัย
พันธกิจคณะพยาบาลศาสตร์
1) จัดการศึกษาทางการพยาบาลระดับอุดมศึกษา
2) ผลิตผลงานวิจัยด้านสุขภาพที่มีประโยชน์ต่อสังคมและชุมชน
3) ให้บริการวิชาการแก่ชุมชน
4) ทำนุบำรุงและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
สมรรถนะหลัก
1) การเสริมสร้างศักยภาพจากเครือข่ายระดับนานาชาติ (Enhancing competencies from International Networks)
2) ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism) ด้านการบริหารองค์กร การสอนและการวิจัย และการบริการวิชาการ
วัตถุประสงค์
- ผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ ความสามารถในระดับสากล เป็นคนดี เก่ง สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
- ผลิตผลงานวิจัยให้มีคุณภาพในระดับสากล สอดคล้องกับปัญหาของสังคมและประเทศชาติ และสามารถนำผลงานวิจัยไปใช้พัฒนาการเรียนการสอนและการพัฒนาชุมชน
- ให้บริการวิชาการแก่สังคมทุกระดับทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และนานาชาติ โดยการผสมผสานกับภารกิจด้านการเรียนการสอนและการวิจัย
- อนุรักษ์ ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อม
- บริหารจัดการโดยใช้หลักธรรมาภิบาล และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
- พัฒนาระบบบริหารให้มีความทันสมัย คล่องตัว โดยการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสม
- พัฒนาศักยภาพและคุณภาพชีวิตของบุคลากร
- จัดหาทรัพยากรและรายได้มาสนับสนุนการดำเนินงานในทุกด้านอย่างเหมาะสม