เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ในปัจจุบันสิ่งที่ประชาชนต้องการมากที่สุด ในขณะนี้ก็คือ “ยารักษาโรคโควิด-19” แต่โรคนี้ ยังไม่มียาสมัยใหม่ที่สามารถรักษาได้ผลเชิงประจักษ์ จึงมีประชาชนจำนวนมากเสาะแสวงหายาสมุนไพรที่เชื่อว่าจะช่วยป้องกันรักษาโรคได้จนทำให้ยาสมุนไพร เช่น ฟ้าทะลายโจร ยาห้าราก และยาอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการรักษาโรคไข้เกิดภาวะขาดแคลนในท้องตลาด ในการรักษาตามหลักการแพทย์แผนไทยวิธีการรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ตามที่ระบุในคัมภีร์ตักศิลาซึ่งเป็นคัมภีร์ ที่ใช้รักษาโรคไข้ มาช้านานหลายร้อยปี ได้ระบุวิธีการรักษาตามลำดับขั้นตอน 3 ตำรับ ดังนี้ ลำดับแรกต้อง รักษาด้วยตำรับยากระทุ้งพิษ เพื่อขับพิษออกจากร่างกายโดยใช้ยาห้าราก ที่ประกอบด้วยรากของพืชสมุนไพร 5 ชนิด ได้แก่ ชิงชี่, เท้ายายม่อม, มะเดื่อชุมพร, คนทา และย่านาง ซึ่งยาชนิดนี้ได้รับการรจุไว้ในบัญชียาหลักแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว จากนั้นรักษาต่อด้วยตำรับยาแปรไข้ ได้แก่ จันทลีลา หรือยาประสะจันทน์แดง ซึ่งช่วยลดอาการไข้ ความร้อนขึ้น ลำดับสุดท้ายรักษาต่อด้วยตตำรับยาครอบไข้ ได้แก่ ครอบไข้ตักศิลายา ช่วยบำรุงอวัยวะภายใน และบำรุงร่างกายให้แข็งแรงไม่กลับมาเป็นซ้ำ
สำหรับเชื้อไวรัสโควิด–19 ลักษณะของโรคที่ทำให้ร่างกายสร้างภูมิเยอะเกินไป แพทย์แผนปัจจุบัน รักษาด้วยการให้ยากดภูมิ ในทางวิทยาศาสตร์เองก็ยังไม่พบยารักษาไวรัสชนิดนี้ได้โดยตรงจริงๆ จึงต้องรักษา ตามอาการไปก่อน ซึ่งต่างจากในส่วนของแพทย์แผนไทยที่ทำการรักษาด้วยการปรับสมดุลร่างกาย ใช้ยาสมุนไพรและอาหาร เพื่อปรับสมดุลเป็นหลัก เช่น การเลือกรับประทาน “อาหารเป็นยา” เป็นหลักที่ถูกต้อง เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เพิ่มการไหลเวียน ยกตัวอย่างเช่น แกงส้มดอกแค, แกงเลียง, ต้มยำ เป็นต้น หรือหากเลือกทานผักผลไม้ตามพื้นที่ ที่ทานได้ต่อเนื่องนานๆ เป็นตำรับยาตรีผลา เพื่อเสริมภูมิต้านทาน ให้วิตามินซีสูง เช่น พวกมะขามป้อม, มะนาว, ใบมะขาม, ใบส้มป่อย คนที่กังวลเรื่องการติดเชื้อโควิดแล้วอยากจะทานสมุนไพรยาฟ้าทะลายโจรก็สามารถทานได้ แต่ต้องลดปริมาณยาลงเหลือวันละ1 มื้อก็พอ เพราะหากทานมากไป ในระยะยาวจะมีปัญหามีผลข้างเคียงต่อสุขภาพได้
ในทางการเกษตรการปลูกฟ้าทะลายโจรไม่ต้องดูแลรักษามาก เพราะเป็นพืชล้มลุกฤดูเดียว การเก็บ เกี่ยวใช้เฉพาะส่วนใบ ข้อแนะนำในการเก็บ ควรจะเก็บช่วงกำลังออกดอกแต่ดอกยังไม่บาน ไม่ควรเก็บเกี่ยว เกินระยะดังกล่าว เพราะสารสำคัญทางยาจะลดลง ปัจจุบันมูลค่าทางการตลาดฟ้าทะลายโจรสูงขึ้นกว่าเดิม หลายเท่าตัว เกิดจากในภาวะโรคไวรัสระบาดที่ทำให้สินค้าขาดตลาด เนื่องจากวัตถุดิบที่จะใช้ทำยาหมด จากเดิมราคาซื้อ-ขายปกติ กิโลกรัมละ30 - 40 บาท ราคาช่วงนี้ปรับขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 120 – 150 บาท
สำหรับเกษตรกรแนะนำว่า หากจะทำการปลูกหรือส่ง-ออก ควรจะทำการศึกษาให้รอบคอบ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งระยะเวลาการเก็บเกี่ยวที่เป็นปัจจัยประกอบในการพิจารณา เพราะสมุนไพรที่จะให้คุณค่าสารทางยา มากที่สุดในการออกฤทธิ์ ต้องใช้ระยะเวลาในการปลูกไปจนถึงระยะเวลาการเก็บเกี่ยวค่อนข้างนาน สมุนไพรบางตัวต้องใช้ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวนานถึง 4– 5 ปี กว่าจะมาทำเป็นยาได้ บางตัวก็ใช้ระยะ เวลานานถึง10 ปี
กระบวนการรักษาและการใช้ยาตามหลักการแพทย์แผนไทยดังกล่าวยังมีอีกมากมายหลายขนาน ที่กล่าว มาเป็นเพียงยกตัวอย่างให้เข้าใจพอสังเขป ซึ่งนับเป็นภูมิปัญญาเชิงการแพทย์ของบรรพบุรุษไทยที่ได้ศึกษาเรียนรู้ พัฒนาและถ่ายทอดสืบต่อกันมา ภูมิปัญญาทางการแพทย์แผนไทยดังกล่าว ก็มีความพร้อมทั้งในเชิง ป้องกัน และในเชิงรักษาผู้ที่ติดเชื้อ หรือผู้ที่กังวลว่าจะติดเชื้อหรือไม่ โดยสามารถบูรณการกระบวนการรักษา ร่วมกันกับการแพทย์แผนปัจจุบันไว้เป็นทางเลือกให้กับประชาชนในภาวะที่ประสบวิกฤตนี้ได้
ดังนั้นคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย อาจารย์ ดร.ธนะชัย พันธ์เกษมสุข มีหน่วยห้องปฏิบัติการทางการวิเคราะห์ที่จะบริการให้คำปรึกษา สำหรับเกษตรกรที่สนใจ ในการหาความรู้เรื่องสารสกัดจากสมุนไพรไทยในการป้องกันโรคสำหรับคนที่สนใจ นอกจากวัตถุดิบที่เป็นองค์ประกอบหลักในการผลิตยาสมุนไพรแล้ว ยังต้อง เทคโนโลยีในการผลิตที่ต้องสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยต่อผู้บริโภค
...........................................
อ.วัลลภ เผ่าพนัส ประธานสมาพันธ์การแพทย์แผนไทยล้านนา และ อ.ดร.ธนะชัย พันธ์เกษมสุข
อาจารย์ภาควิชาพืชศาสตร์และปฐพีศาสตร์ สาขาวิชาพืชสวน คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
7 เมษายน 2563