แพทย์ มช. แนะผู้ปกครอง-โรงเรียน เตรียมพร้อมรับมือ “โควิด XEC” ช่วงเปิดเทอมในเด็กด้วยมาตรการสุขอนามัยที่ดี

29 พฤษภาคม 2568

คณะแพทยศาสตร์

ขณะนี้แม้มีการพบผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่อย่าง ‘XEC’ เพิ่มขึ้น แต่ปัจจุบันโรคโควิด-19 ได้กลายเป็นโรคประจำถิ่นที่พบได้ตามฤดูกาลและพบได้ตลอดทั้งปี อย่างไรก็ตามการเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือในกลุ่มเด็กเล็กและนักเรียนช่วงเปิดเทอมปี 2568 นี้ยังเป็นสิ่งสำคัญ


อ.พญ.สิปาง ปังประเสริฐกุล อาจารย์ประจำสาขาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า “ขณะนี้ประเทศไทยพบผู้ป่วยโควิด-19 สะสมกว่า 41,000 ราย ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 8 พฤษภาคม 2568 โดยกลุ่มเด็กอายุ 0–4 ปี คือกลุ่มที่มีอัตราป่วยสูงที่สุด และส่วนใหญ่ติดเชื้อจากสายพันธุ์ XEC ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอนที่มีลักษณะแพร่กระจายได้รวดเร็ว อาการคล้ายโควิด-19 สายพันธุ์ก่อนหน้า เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ น้ำมูก และแยกอาการจากไข้หวัดใหญ่หรือ ไข้หวัดธรรมดา ได้ยาก โดยที่หลายรายไม่มีอาการ ทำให้แพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัว”


โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเปิดเทอม ที่มีการกลับมาเปิดเรียนแบบปกติในห้องเรียน ถือเป็นโอกาสที่เด็กจะได้เรียนรู้อย่างเต็มที่ แต่ในขณะเดียวกันเด็กๆ ก็มีโอกาสในการสัมผัสใกล้ชิดกันมากขึ้น เนื่องจากเด็กอยู่รวมกันจำนวนมาก ได้ทำกิจกรรมกลุ่มหรือใช้สิ่งของร่วมกัน ซึ่งอาจมีการลดเรื่องของมาตรการสุขอนามัยลง เช่น ไม่ได้ล้างมืออย่างเหมาะสม ไม่สวมหน้ากากอนามัย


อย่างไรก็ตาม อ.พญ.สิปาง ยืนยันว่า “ไม่จำเป็นต้องปิดโรงเรียนหากมีผู้ติดเชื้อ แต่โรงเรียนควรมีการเตรียมความพร้อมในการรับมือ เช่น ส่งเสริมการล้างมือที่ถูกต้อง ,ตรวจคัดกรองอาการก่อนเข้าเรียน ,สร้างความเข้าใจกับผู้ปกครองและนักเรียนอย่างสม่ำเสมอ
แม้เด็กเล็กจะติดเชื้อได้ง่ายจากการมีภูมิคุ้มกันที่ยังไม่สมบูรณ์ แต่กลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดอาการรุนแรงที่ต้องเฝ้ายังคงเป็นกลุ่ม 608 ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป, หญิงตั้งครรภ์, ผู้มีโรคเรื้อรัง 7 กลุ่ม ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง ,โรคหัวใจและหลอดเลือด ,โรคไตวายเรื้อรัง ,โรคหลอดเลือดสมอง ,โรคอ้วน ,โรคมะเร็ง และโรคเบาหวาน


หากเด็กมีอาการไข้ ไอ คัดจมูก น้ำมูก เจ็บคอ ควรตรวจด้วยชุดตรวจ ATK และสามารถให้การดูแลเบื้องต้นที่บ้านได้ เช่น เช็ดตัว กินยาลดไข้ ดื่มน้ำ พักผ่อนให้เพียงพอ หากอาการไม่ดีขึ้น ควรรีบพบแพทย์ทันที โดยเฉพาะในเด็กที่มีโรคประจำตัว
แนะนำให้ผู้ปกครอง สังเกตอาการก่อนส่งลูกไปโรงเรียน หากมีไข้หรืออาการระบบทางเดินหายใจ ควรให้พักรักษาตัวอยู่บ้าน, สอนลูกเรื่องสุขอนามัยส่วนบุคคล เน้นการล้างมือบ่อยๆ ใส่หน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการจับปาก ตา จมูก, เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม เช่น หน้ากากอนามัยสำรอง และเจลแอลกอฮอล์พกพา ส่วนเด็กที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรครุนแรงสามารถเสริมการป้องกันโรคด้วยการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตามคำแนะนำของแพทย์
และร่วมมือกับโรงเรียนหากพบผู้ติดเชื้อ ควรเปิดใจรับฟังและปฏิบัติตามแนวทางป้องกันร่วมกันอย่างสร้างสรรค์
ควรปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่ารักษาทีหลัง การรับมือโควิด XEC ในช่วงเปิดเทอมนี้ ไม่ใช่แค่หน้าที่ของโรงเรียนหรือหน่วยงานสาธารณสุขเท่านั้น แต่ต้องอาศัย ความร่วมมือจากทุกครอบครัว เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้อย่างปลอดภัย ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ และส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่ยั่งยืน
เราสามารถอยู่ร่วมกับโควิดได้อย่างปลอดภัย หากรู้จักป้องกันตัวเองและเข้าใจโรคอย่างถูกต้อง” อ.พญ.สิปาง ปังประเสริฐกุล กล่าว.


เรียบเรียง : นางสาวนันทพร ระบิน
ภาพ / ข่าว : กลุ่มงานสื่อสารองค์กร
งานประชาสัมพันธ์
คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#covid #MedCMU #คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #แพทย์เชียงใหม่ #แพทย์มช #หมอสวนดอก #โรงพยาบาลสวนดอก #MedCMUในมือคุณ #สื่อสารองค์กรMedCMU

แกลลอรี่