“สายตาพร่ามัว ตาพร่าเบลอ” รวมทุกปัญหาที่ตาต้องเจอ พร้อมแนะทางออก และวิธีดูแล แนวทางแก้ไข

13 มิถุนายน 2568

คณะแพทยศาสตร์

ในปัจจุบัน ปัญหาสายตา เช่น สายตาสั้น สายตายาว และสายตาเอียง พบได้มากขึ้นในทุกช่วงวัย แม้ว่าหลายคนจะเกิดมาพร้อมสายตาปกติ แต่ด้วยพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการจ้องหน้าจอหรือทำกิจกรรมในร่มเป็นเวลานาน ล้วนมีส่วนกระตุ้นให้เกิดปัญหาเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น


กลไกการมองเห็น และสาเหตุของสายตาผิดปกติ
การมองเห็นตามปกติเกิดจากแสงที่ผ่านกระจกตาและเลนส์ตาไปโฟกัสพอดีที่ “จอประสาทตา” หากแสงไปตกผิดตำแหน่ง ก็จะเกิด

ปัญหาสายตาต่าง ๆ ขึ้น
• สายตาสั้น: แสงโฟกัสก่อนถึงจอประสาทตา มักเกิดจากลูกตายาวเกินไปหรือกระจกตานูนเกิน ส่งผลให้มองไกลไม่ชัด แต่มองใกล้ชัด
• สายตายาว: แสงโฟกัสหลังจอประสาทตา มักพบในคนที่ลูกตาสั้นหรือกระจกตาแบน ทำให้มองใกล้ไม่ชัด แต่มองไกลได้ดี
• สายตาเอียง: กระจกตาโค้งไม่เท่ากันในแต่ละแนว แสงจึงไปตกกระจายหลายจุด ทำให้ภาพพร่าทั้งใกล้และไกล


ปัญหาสายตาในเด็ก…แนวโน้มเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะ “สายตาสั้น” พบมากในเด็กเอเชีย รวมถึงประเทศไทย ที่มีสัดส่วนผู้มีสายตาสั้นสูงถึง 50% และอาจเพิ่มเป็น 60% ในอีก 10–20 ปีข้างหน้า สาเหตุหลักคือพฤติกรรมอยู่ในร่มมากขึ้น เช่น ใช้คอมพิวเตอร์ มือถือ แท็บเล็ต เล่นเกม หรืออ่านหนังสือ ซึ่งต้องเพ่งใกล้ตลอดเวลา


การดูแลและป้องกันปัญหาสายตาในเด็ก
แม้สายตาสั้น ยาว หรือเอียง จะรักษาไม่หายขาด แต่สามารถ “ชะลอการลุกลาม” ได้ ดังนี้:
1. ใช้ยา Atropine ขนาดต่ำ: ช่วยลดการเพ่งใกล้ และชะลอสายตาสั้นในเด็ก
2. ปรับพฤติกรรม: ลดเวลาใช้หน้าจอ ส่งเสริมกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น วิ่งเล่น ขี่จักรยาน หรือเล่นกีฬา
อาการที่ควรสังเกต
• มองไม่ชัดทั้งใกล้หรือไกล
• ชอบหยีตาหรือหรี่ตา
• ปวดศีรษะ ปวดตา
• เด็กอาจนั่งเรียนหน้าห้อง มองกระดานไม่ชัด
หากมีอาการเหล่านี้ ควรพาไปตรวจวัดค่าสายตาอย่างละเอียดจากร้านแว่นหรือคลินิกตา โดยเฉพาะการวัดจากจักษุแพทย์จะสามารถประเมินโรคตาอื่น ๆ ได้ครบถ้วน

วิธีแก้ไขปัญหาสายตา
1. แว่นตา: ทางเลือกที่ง่ายและปลอดภัย แต่มีข้อจำกัดเรื่องความหนาของเลนส์ในรายที่ค่าสายตาสูง
2. คอนแทคเลนส์: เหมาะกับคนที่มีค่าสายตาสูงหรือค่าสายตาสองข้างต่างกันมาก แต่ต้องดูแลความสะอาดอย่างเคร่งครัด
3. การผ่าตัดแก้ไขสายตา: มี 2 กลุ่มหลัก

1. การผ่าตัดที่กระจกตา
เหมาะสำหรับผู้ที่ค่าสายตาคงที่แล้ว (อย่างน้อย 1 ปี) มี 3 วิธีหลัก:
• LASIK: ใช้เลเซอร์ 2 ชนิด ฟื้นตัวไว เหมาะกับผู้มีความหนากระจกตาเพียงพอ
• PRK: ขูดผิวกระจกตา ใช้เวลาฟื้นตัวนานกว่า แต่ปลอดภัยในผู้มีกระจกตาบาง หรือมีความเสี่ยงกระแทก เช่น นักกีฬา
• SMILE: เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด เปิดแผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว แต่ยังไม่แพร่หลายเท่า 2 วิธีแรก
2. การผ่าตัดที่เลนส์ตา
• เปลี่ยนเลนส์ตา: มักทำในผู้สูงอายุที่เป็นต้อกระจก เปลี่ยนเลนส์ธรรมชาติเป็นเลนส์เทียมที่มีค่าสายตา
• ใส่เลนส์เสริม (ICL): เหมาะกับผู้ที่ยังอายุน้อย มีค่าสายตาสูงมาก หรือมีกระจกตาบางเกินกว่าทำ LASIK ได้
ก่อนตัดสินใจรักษา…ควรตรวจให้ละเอียด
การเลือกวิธีรักษาสายตาไม่สามารถใช้วิธีเดียวกับทุกคนได้ ต้องพิจารณาจากความหนากระจกตา ค่าสายตา อายุ และไลฟ์สไตล์
• ผู้ที่อายุเกิน 40 ปี มักเริ่มมีสายตายาวตามวัย ซึ่งอาจไม่สามารถแก้ไขได้ด้วย LASIK หรือ PRK
• ผู้ที่ต้องการผ่าตัดเพื่อสอบเข้าราชการ แม้ค่าสายตายังไม่คงที่ ควรได้รับคำแนะนำจากจักษุแพทย์ให้รอบคอบ เพราะอาจต้องผ่าซ้ำในอนาคต


การดูแลสุขภาพดวงตาเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่นที่พฤติกรรมเสี่ยงกำลังเพิ่มขึ้น หากตรวจพบเร็วและดูแลอย่างเหมาะสม จะช่วยชะลอปัญหาสายตา และลดภาวะแทรกซ้อนในระยะยาวได้
หมั่นตรวจตาเป็นประจำ – ดวงตาคือหน้าต่างของชีวิต


ขอบคุณข้อมูลจาก: ผศ.พญ.เหมือนพลอย นิภารักษ์ อาจารย์ประจำหน่วยกระจกตาและผ่าตัดแก้ไขสายตา
ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มช.
เรียบเรียง: นางสาวนันทพร ระบิน
ภาพ / ข่าว : กลุ่มงานสื่อสารองค์กร
งานประชาสัมพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#MedCMU #คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #แพทย์เชียงใหม่ #แพทย์มช. #หมอสวนดอก #โรงพยาบาลสวนดอก #Medcmuในมือคุณ #สื่อสารองค์กรMedcmu #ปัญหาสายตาที่พบบ่อย

แกลลอรี่