CMU
หลักสูตร
แยกตามคณะ
ค้นหาหลักสูตร
ปริญญาตรี
ปริญญาโท
ปริญญาเอก
หลักสูตรอื่นๆ
|
การศึกษา
การรับสมัครระดับปริญญาตรี
การรับสมัครระดับบัณฑิตศึกษา
การรับสมัครหลักสูตรนานาชาติ
ทุนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
|
คณะและหน่วยงาน
คณะ
หน่วยงาน
ส่วนงานอื่นๆ
|
TH
EN
CN
TH
EN
CN
หลักสูตร
แยกตามคณะ
ค้นหาหลักสูตร
ปริญญาตรี
ปริญญาโท
ปริญญาเอก
หลักสูตรอื่นๆ
การศึกษา
การรับสมัครระดับปริญญาตรี
การรับสมัครระดับบัณฑิตศึกษา
การรับสมัครหลักสูตรนานาชาติ
ทุนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คณะและหน่วยงาน
คณะ
หน่วยงาน
ส่วนงานอื่นๆ
ข่าวสาร
ข่าวงานวิจัยและนวัตกรรม
ข่าวเด่น
ข่าวบุคคลเด่น
รางวัลและความภาคภูมิใจ
ประชุมสัมมนา/กิจกรรมของมหาวิทยาลัย
ภาพข่าวผู้บริหาร
ข่าวรับสมัครงาน
ข่าวจัดซื้อจัดจ้าง
ปฏิทินกิจกรรม
COVID-19 และ PM2.5
เกี่ยวกับ มช.
ประวัติความเป็นมา
60 ปี มช.
ปณิธาน/วิสัยทัศน์/พันธกิจ/ค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กร
อำนาจหน้าที่
สัญลักษณ์มหาวิทยาลัย
เกี่ยวกับมช.
ข้อมูลสาธารณะ
CMU 360 องศา
SDGs
โครงสร้างองค์กรและการบริหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
แผนพัฒนาการศึกษามช. ระยะ 5 ปี
คณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย
คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย
ผู้บริหารส่วนงาน
ผู้บริหารหน่วยงาน
สภาพนักงาน
Download CMU Powerpoint Template
ช่องทางการสอบถามข้อมูล (Q&A)
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ติดต่อเรา
เสนอแนะ/ร้องเรียน
ข่าว
แพทย์ มช.เตือนภัยพ่อแม่! “โรคครูป” ไอเสียงหมาเห่า เสี่ยงอุดกั้นทางเดินหายใจในเด็กเล็ก ระบาดช่วงหน้าฝน – หนาว
29 พฤษภาคม 2568
คณะแพทยศาสตร์
ในช่วงฤดูฝนต่อเนื่องฤดูหนาว นอกจากโรคหวัดทั่วไปแล้ว “โรคครูป” (Croup) ยังเป็นอีกหนึ่งโรคที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก โดยเฉพาะวัย 6 เดือนถึง 3 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ทางเดินหายใจยังเล็กและบวมได้ง่าย หากพ่อแม่ได้ยินเสียงไอของลูกน้อยคล้าย “เสียงหมาเห่า” ร่วมกับเสียงหายใจครืดคราด ควรระวังอาจเป็นสัญญาณของโรคนี้
รศ.พญ.กนกกาญจน์ สันกลกิจ อาจารย์ประจำภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช. เปิดเผยว่า“โรคครูปคือการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้กล่องเสียงและหลอดลมเกิดการบวม โดยเฉพาะบริเวณใต้กล่องเสียง เด็กจะมีอาการเสียงแหบ หายใจมีเสียงครืดคราด และที่สำคัญคือ ‘ไอเสียงคล้ายสุนัขเห่า’ ซึ่งเป็นอาการจำเพาะที่ควรสังเกตให้ดี”
อาการนี้ต่างจากหวัดทั่วไปอย่างไร?
แม้จะเริ่มต้นจากอาการคล้ายหวัด เช่น มีไข้ต่ำ น้ำมูก หรือไอเล็กน้อย แต่โรคครู๊ปจะมีการดำเนินของโรคใน 12–48 ชั่วโมง เช่น ไอเสียงก้องคล้ายสุนัขเห่า ,หายใจเสียงดังครืดคราด โดยเฉพาะช่วงหายใจเข้า ,อาการมักเป็นหนักในช่วงกลางคืน โดยเฉพาะเมื่อเด็กร้องไห้หรือกระสับกระส่าย
อาการแบบไหนควรพาไปโรงพยาบาลทันที?
ผู้ปกครองควรรีบพาเด็กไปพบแพทย์หากมีอาการต่อไปนี้ 1.หายใจลำบาก หายใจเร็ว หรือมีเสียงครืดคราดขณะพัก 2.ปากเขียว ปลายมือปลายเท้าเขียว 3.ซึม ไม่เล่น ไม่กิน ไม่ดื่ม 4.กลืนน้ำลายไม่ได้ หรือมีน้ำลายไหลตลอดเวลา 5.ไข้สูงหรืออาการไม่ดีขึ้นภายใน 1–2 วัน
แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้จากประวัติจากอาการ อาการแสดงและการตรวจร่างกาย โดยไม่จำเป็นต้องใช้การตรวจพิเศษในรายทั่วไป การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค เช่น อาการไม่รุนแรงสามารถให้ยาและดูแลต่อที่บ้านได้ ให้ยาลดไข้ ดื่มน้ำ พักผ่อน และอาจให้ยาสเตียรอยด์เพื่อลดอาการบวม ,อาการปานกลางถึงรุนแรงแพทย์อาจให้ยาพ่นอะดรีนาลีน (adrenaline) ควบคู่ยาสเตียรอยด์ และให้เด็กนอนโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการใกล้ชิด หากมีอาการรุนแรงมากขึ้น
แม้ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนเฉพาะสำหรับโรคครูป แต่สามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการ ล้างมือบ่อยๆ ทั้งเด็กและผู้ดูแล ,หลีกเลี่ยงการพาเด็กไปที่แออัด ,อย่าให้เด็กคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการหวัดให้เด็กพักผ่อนเพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
“แม้ส่วนใหญ่โรคครูปจะไม่รุนแรงและหายได้เอง แต่ในบางกรณีหากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ การสังเกตอาการและพาเด็กพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่นๆ คือกุญแจสำคัญ” รศ.พญ.กนกกาญจน์ สันกลกิจ กล่าว.
เรียบเรียง : นางสาวนันทพร ระบิน
ภาพ / ข่าว : กลุ่มงานสื่อสารองค์กร
งานประชาสัมพันธ์
คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#MedCMU #คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #แพทย์เชียงใหม่ #แพทย์มช #หมอสวนดอก #โรงพยาบาลสวนดอก #MedCMUในมือคุณ #สื่อสารองค์กรMedCMU
ดูน้อยลง
สุขภาพ
บทความ
ข่าวเด่น
แกลลอรี่
×
RoomID:
Room Name:
Description: