เชื้อโรคจากมือ : อันตรายที่มากกว่าที่คิด

11 ตุลาคม 2567

คณะแพทยศาสตร์

ความสำคัญของการล้างมือ
มนุษย์ใช้มือในหลากหลายกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การติดต่อสื่อสาร หรือการประกอบอาหาร โดยที่เราอาจไม่ทันคิดว่า มือของเรายังเป็นช่องทางสำคัญในการนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย เมื่อเราหยิบจับสิ่งต่างๆ ในสิ่งแวดล้อม เชื้อโรคก็สามารถติดมากับมือเรา และหากเราสัมผัสอาหารหรือร่างกายโดยไม่ล้างมือ เชื้อโรคเหล่านั้นก็จะเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดโรคได้ง่าย
เชื้อโรคที่มาจากมือสกปรก
เชื้อโรคที่ติดมากับมือที่ไม่ได้ล้างสามารถนำไปสู่โรคหลายชนิด ดังนี้ :
1. โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โควิด-19 วัณโรค ซึ่งสามารถติดเชื้อได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วย
2. โรคติดต่อทางเดินอาหาร เช่น ท้องร่วง อหิวาตกโรค ไวรัสตับอักเสบชนิดเอ และพยาธิชนิดต่างๆ ซึ่งเกิดจากการหยิบอาหารใส่ปากด้วยมือที่ไม่สะอาด
3. โรคติดต่อจากการสัมผัสโดยตรง เช่น โรคตาแดง เชื้อรา และหิด เมื่อมือสัมผัสแผลหรือสารคัดหลั่งแล้วมาสัมผัสร่างกายตัวเองหรือผู้อื่น
ทุกคนสามารถติดเชื้อโรคจากมือได้ แต่เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำจะมีความเสี่ยงสูงและอาการรุนแรงมากกว่าคนทั่วไป
เมื่อไหร่ควรล้างมือ?
เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโรค เราควรล้างมือในหลายสถานการณ์ โดยเฉพาะในสถานพยาบาล องค์การอนามัยโลกได้กำหนด 5 ช่วงเวลาสำคัญในการล้างมือสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ :
1. ก่อนสัมผัสผู้ป่วย
2. ก่อนทำหัตถการ
3. หลังสัมผัสอุปกรณ์หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วย
4. หลังสัมผัสผู้ป่วย
5. หลังสัมผัสสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วย
ในชีวิตประจำวัน เราควรล้างมือเมื่อ
• สังเกตเห็นว่ามือเปื้อน
• ก่อนและหลังเตรียมหรือรับประทานอาหาร
• หลังเข้าห้องน้ำหรือสัมผัสอุปกรณ์สาธารณะ
• ก่อนและหลังดูแลผู้ป่วย
• หลังสัมผัสสัตว์หรือของเสียจากสัตว์
วิธีการล้างมือให้สะอาด
เพื่อให้มือปราศจากเชื้อโรค ควรถอดแหวน สร้อยข้อมือ หรือนาฬิกาออกก่อนล้างมือ และใช้วิธีล้างมือที่ถูกต้องด้วยน้ำและสบู่เป็นเวลา 40-60 วินาที โดยปฏิบัติตาม 7 ขั้นตอน ดังนี้ :
1. ล้างฝ่ามือด้านหน้า
2. ฟอกหลังมือและง่ามนิ้วด้านหลัง
3. ฟอกง่ามนิ้วมือบริเวณตรงกลาง
4. ฟอกนิ้วและข้อนิ้วมือด้านหลัง
5. ฟอกรอบนิ้วหัวแม่มือ
6. ฟอกปลายนิ้วและเส้นลายฝ่ามือ
7. ฟอกรอบข้อมือ แล้วเช็ดมือด้วยผ้าสะอาด
การล้างมืออย่างถูกวิธีเป็นการป้องกันที่มีประสิทธิภาพในการลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคและลดโอกาสการเจ็บป่วยจากโรคต่างๆ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: ผศ.นพ.ปรเมษฐ์ วินิจจะกูล อาจารย์หน่วยโรคติดเชื้อและเวชศาสตร์เขตร้อน
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เรียบเรียง: นางสาวนันทพร ระบิน
ภาพ / ข่าว : กลุ่มงานสื่อสารองค์กร
งานประชาสัมพันธ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
แกลลอรี่