หลักสูตร
แยกตามคณะ
ค้นหาหลักสูตร
ปริญญาตรี
ปริญญาโท
ปริญญาเอก
หลักสูตรอื่นๆ
การศึกษา
การรับสมัครระดับปริญญาตรี
การรับสมัครระดับบัณฑิตศึกษา
การรับสมัครหลักสูตรนานาชาติ
ทุนอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คณะและหน่วยงาน
คณะ
หน่วยงาน
ส่วนงานอื่นๆ
ข่าวสาร
ข่าวงานวิจัยและนวัตกรรม
ข่าวเด่น
ข่าวบุคคลเด่น
รางวัลและความภาคภูมิใจ
ประชุมสัมมนา/กิจกรรมของมหาวิทยาลัย
ภาพข่าวผู้บริหาร
ข่าวรับสมัครงาน
ข่าวจัดซื้อจัดจ้าง
ปฏิทินกิจกรรม
COVID-19 และ PM2.5
กีฬา
Featured
สุขภาพ
กฎหมายกฎระเบียบ
การบริจาค
เทคโนโลยี
ศาสนา
วารสาร
บทความเกี่ยวกับ 60 ปี มช.
เกี่ยวกับ มช.
ประวัติความเป็นมา
ปณิธาน/วิสัยทัศน์/พันธกิจ/ค่านิยมและวัฒนธรรมองค์กร
อำนาจหน้าที่
เอกลักษณ์องค์กร (CI)
โครงสร้างองค์กรและการบริหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
แผนพัฒนาการศึกษามช. ระยะ 5 ปี
คณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย
คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัย
ผู้บริหารส่วนงาน
ผู้บริหารหน่วยงาน
สภาพนักงาน
ลิงค์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
CMU First Year
CMU IT Life
โครงการแลกเปลี่ยน
ทุนการศึกษา
คลังภาพคลังข่าว
ข้อมูลสาธารณะ
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ติดต่อเรา
ภาษา
ภาษาไทย
อังกฤษ
จีน
TH
|
EN
|
CN
หน้าแรก
ข่าว
ข่าว
นิ่วในถุงน้ำดี โรคใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม
8 กันยายน 2568
คณะแพทยศาสตร์
นิ่วในถุงน้ำดี โรคใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม
นิ่วในถุงน้ำดี เป็นโรคที่หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ แต่ไม่รู้จริงๆ ว่ามันคืออะไร เกิดจากสาเหตุใด และมีอาการอย่างไร บางคนเข้าใจผิดคิดว่าแค่ปวดท้องหรือจุกแน่นเล็กน้อย แต่ในความเป็นจริง หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจนถึงชีวิตได้
น้ำดีและหน้าที่สำคัญ
ก่อนจะเข้าใจเรื่องนิ่ว ต้องรู้จัก “น้ำดี” เสียก่อน
• น้ำดีถูกสร้างจากตับ มีองค์ประกอบหลักคือ คอเลสเตอรอล กรดน้ำดี เกลือน้ำดี และบิลิรูบิน
• น้ำดีมีหน้าที่ช่วยย่อยไขมันและส่งเสริมการดูดซึมวิตามิน
• เมื่อสร้างขึ้น น้ำดีจะถูกเก็บไว้ที่ ถุงน้ำดี ทำหน้าที่เสมือนอ่างเก็บน้ำ รอจนเรารับประทานอาหาร ถุงน้ำดีจึงบีบตัวปล่อยน้ำดีออกไปสู่ลำไส้เล็กเพื่อช่วยย่อยอาหารจำพวกไขมัน
นิ่วในถุงน้ำดีคืออะไร?
นิ่วเกิดจากความไม่สมดุล และการตกตะกอนของสารบางชนิดในน้ำดี จนรวมตัวเป็นก้อนแข็งอยู่ในถุงน้ำดี เปรียบเสมือน “ตะกอนในอ่างเก็บน้ำ” โดยแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก
1. นิ่วคอเลสเตอรอล (Cholesterol stone) – พบมากที่สุดถึง 90%
2. นิ่วพิกเมนต์ (Pigment stone) – มักสัมพันธ์กับการติดเชื้อหรือภาวะเม็ดเลือดแดงแตกง่าย
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดนิ่ว
• น้ำหนักเกิน / อ้วนลงพุง และภาวะไขมันเกาะตับ
• พฤติกรรมการกิน – อาหารไขมันสูง น้ำตาลมาก ไฟเบอร์น้อย
• เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ภาวะดื้อต่ออินซูลิน
• การลดน้ำหนักเร็วเกินไป เช่น หลังผ่าตัดลดความอ้วน
• พันธุกรรม หรือโรคเลือด เช่น ธาลัสซีเมีย
• เพศหญิง โดยเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่ใช้ยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง
• อายุที่มากขึ้น
อาการที่ควรระวัง
• จุกเสียด แน่นท้อง โดยเฉพาะ หลังรับประทานอาหาร 30 นาที – 1 ชั่วโมง
• ปวดบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือชายโครงขวา อาจร้าวไปที่ไหล่หรือสะบักขวา
• อาการปวดอาจเป็นๆ หายๆ หากนิ่วเคลื่อนตัวไปขวางทางไหลของน้ำดีออกจากถุงน้ำดี
• นิ่วในถุงน้ำดีก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการอักเสบเฉียบพลันของหลายอวัยวะ ซึ่งผู้ป่วยต้องรับการรักษาอย่างเร่งด่วน อันได้แก่
1. ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน เกิดจากนิ่วอุดตันทางออกของถุงน้ำดีค่อนข้างแน่น ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือใต้ชายโครงขวามากเป็นเวลานานหลายชั่วโมง บางรายมีไข้สูงร่วมด้วย
2. นิ่วในท่อน้ำดี เกิดจากนิ่วในถุงน้ำดีหลุดลงไปอยู่ในท่อน้ำดี ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดภาวะทางเดินน้ำดีติดเชื้อ ผู้ป่วยมักมีอาการตัวตาเหลือง ไข้ หนาวสั่น ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อเข้ากระแสเลือดได้
3. ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันจากนิ่ว ซึ่งเกิดจากนิ่วในถุงน้ำดีหลุดลงไปในท่อน้ำดีส่วนปลายที่เปิดรวมกับท่อน้ำย่อยจากตับอ่อน ผู้ป่วยมักมีอาการปวดท้องใต้ลิ้นปี่ร้าวไปกลางหลัง อาจจะมีไข้ร่วมด้วย
การวินิจฉัย
• อัลตราซาวด์ (Ultrasound) เป็นวิธีที่ช่วยการวินิจฉัยนิ่วในถุงน้ำดีได้ค่อนข้างดีและแม่นยำ ร่วมกับเข้าถึงได้ง่าย มีอยู่ตามห้องตรวจและห้องฉุกเฉิน จึงนิยมใช้มากที่สุด
• CT Scan ช่วยการวินิจฉัยนิ่วในถุงน้ำดีได้ในบางราย ที่นิ่วมีหินปูนเกาะ
• MRI/MRCP มีวิธีการที่ใช้วินิจฉัยนิ่วในถุงน้ำดีได้ค่อนข้างแม่นยำในนิ่วที่ขนาดไม่เล็กมาก แต่ไม่นิยมเนื่องจากเข้าถึงยาก มีเฉพาะโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ราคาสูง และมีคิวรอคอยการตรวจค่อนข้างนาน
การรักษา
ปัจจุบันการรักษานิ่วในถุงน้ำดี ทำโดย การผ่าตัดถุงน้ำดี ซึ่งทำได้โดยการผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopic Cholecystectomy) มีเพียง 3–4 แผล แผลขนาดเล็ก ฟื้นตัวเร็ว
1. ถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน ถ้ามีการอักเสบมาก อาจต้องใส่สายระบายชั่วคราว แล้วผ่าตัดเมื่อการอักเสบลดลง
2. นิ่วในท่อน้ำดี ทำการรักษาโดยการส่องกล้องเข้าไปทางปาก เพื่อไปนำนิ่วออกจากทางเดินน้ำดี จากนั้นจึงทำการผ่าตัดถุงน้ำดี
3. ภาวะทางเดินน้ำดีติดเชื้อ ทำการรักษาโดยการส่องกล้องเข้าไปทางปาก เพื่อไประบายนิ่วออกจากทางเดินน้ำดีลงสู่ลำไส้เล็ก และนำนิ่วออกจากทางเดินน้ำดี จากนั้นจึงทำการผ่าตัดถุงน้ำดี
4. ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลันจากนิ่ว ต้องทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่ามีนิ่วค้างในท่อน้ำดีหรือไม่ ถ้ามีก็ต้องรักษานิ่วในท่อน้ำดีร่วมกับผ่าตัดถุงน้ำดี
หลังผ่าตัดถุงน้ำดี: ชีวิตเปลี่ยนแปลงอย่างไร?
แม้ถุงน้ำดีจะมีหน้าที่เก็บสะสมน้ำดี แต่เมื่อตัดออกไป ร่างกายยังสามารถสร้างน้ำดีได้ตามปกติ เพียงแต่ไม่มีที่เก็บสำรอง
• โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพียงปรับพฤติกรรมการกิน เช่น ลดอาหารไขมันสูง หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อใหญ่
• หลังจากผ่าตัด ผู้ป่วยจะไม่มีถุงน้ำดีช่วยเก็บน้ำดีที่สร้างจากตับ อาจจะมีอาการท้องอืดหลังอาหาร เนื่องจากมีน้ำดีปริมาณไม่มากพอช่วยย่อยอาหารจำพวกไขมัน บางรายอาจจะมีอาการท้องเสียหลังทานอาหาร เนื่องจากน้ำดีไหลหยดลงลำไส้เล็กตลอดเวลา ทำให้เกิดการระคายเคือง ส่วนมากอาการท้องเสียจะค่อยบรรเทาลงเมื่อเวลาผ่านไป
นิ่วในถุงน้ำดีเป็นโรคที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้หญิงและผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น อ้วน เบาหวาน หรือพันธุกรรม อาการมักเริ่มจากจุกเสียดแน่นท้องหลังมื้ออาหาร หากปล่อยทิ้งไว้ อาจรุนแรงจนถุงน้ำดีอักเสบหรือทะลุได้ การตรวจวินิจฉัยด้วยอัลตราซาวด์สามารถช่วยยืนยัน และการผ่าตัดส่องกล้องคือวิธีรักษาที่ได้ผลดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก : อ.พญ.อัษรา เทพบัญชรชัย หน่วยศัลยศาสตร์ตับ ทางเดินน้ำดี และตับอ่อน
ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มช.
เรียบเรียง : นางสาวนันทพร ระบิน
ภาพ / ข่าว : งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#อืดแน่นท้อง #อย่านิ่งนอนใจ
#นิ่วในถุงน้ำดี
#สุขภาพดีกับหมอสวนดอก
#MedCMU #คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#แพทย์เชียงใหม่ #แพทย์มช #หมอสวนดอก
#โรงพยาบาลสวนดอก #Medcmuในมือคุณ #สื่อสารองค์กรMedcmu
สุขภาพ
ข่าวเด่น
แกลลอรี่
×
RoomID:
Room Name:
Description: