มช. มุ่งสู่ “มหาวิทยาลัยที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน” Theme 3: การดูดกลับ ดักจับ และกักเก็บก๊าซเรือนกระจก (GHG Removal, Capture & Storage)

3 ตุลาคม 2568
ศูนย์สื่อสารองค์กรและนักศึกษาเก่าสัมพันธ์
มช. มุ่งสู่ “มหาวิทยาลัยที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน”
Theme 3: การดูดกลับ ดักจับ และกักเก็บก๊าซเรือนกระจก (GHG Removal, Capture & Storage)
นอกจากการติดตาม (Monitoring) และการลด (Mitigation) ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU) ยังมุ่งเน้นไปที่ การดูดกลับ ดักจับ และกักเก็บก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่จะทำให้มหาวิทยาลัยสามารถบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero ได้อย่างยั่งยืน

มาตรการกักเก็บคาร์บอนในพื้นที่สีเขียว
1. การประเมินและติดตาม
  • มช. ได้พัฒนาระบบ ประเมินและติดตามการดูดกลับก๊าซเรือนกระจก ในพื้นที่สีเขียวทั้งภายในและรอบมหาวิทยาลัย
  • ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการเก็บข้อมูลและรายงานผล เพื่อให้การวัดผลเป็นไปอย่างถูกต้องและโปร่งใส
2. การอนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่สีเขียว
  • ฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้กว่า 4,000 ไร่ ซึ่งสามารถกักเก็บคาร์บอนได้ถึง 8,000 tCO?e ต่อปี
  • เพิ่มศักยภาพการดูดซับคาร์บอน พร้อมทั้งรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและระบบนิเวศที่สมดุล
3. การพัฒนาเทคโนโลยีดักจับคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization & Storage: CCUS)
  • ศึกษาและประยุกต์ใช้นวัตกรรม CCUS เพื่อเสริมมาตรการกักเก็บคาร์บอนในอนาคต
  • ส่งเสริมการประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรม เพื่อลดการปล่อยก๊าซในระดับมหภาค และต่อยอดงานวิจัยสู่การใช้งานจริง

มช. กับการสร้าง “ป่าคาร์บอน”
การเพิ่มพื้นที่สีเขียวและฟื้นฟูป่าคือเสาหลักของการกักเก็บคาร์บอนในธรรมชาติ มช. ใช้พื้นที่กว่า 4,000 ไร่ สำหรับการฟื้นฟูป่าไม้และระบบนิเวศ โดยตั้งเป้าที่จะทำให้พื้นที่ดังกล่าวเป็น “แหล่งดูดซับคาร์บอน” (Carbon Sink) ที่ยั่งยืนและสามารถสร้างผลประโยชน์ร่วมกับชุมชนได้

ก้าวต่อไป
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ตระหนักดีว่า การลดคาร์บอนเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ แต่ต้องมีการ ดูดกลับและกักเก็บ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Net Zero อย่างแท้จริง ดังนั้นการผสมผสานระหว่าง การปลูกป่า การดูแลพื้นที่สีเขียว และการวิจัยเทคโนโลยี CCUS คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้ CMU ก้าวสู่การเป็นมหาวิทยาลัยต้นแบบด้านสิ่งแวดล้อม

 บทความตอนที่ 4 จะพาไปต่อกับ Theme 4: การปรับตัวและความสามารถในการฟื้นตัว (Climate Adaptation & Resilience)

ข้อมูลโดย : https://www.facebook.com/erdicmu/posts/pfbid02UrrkjWMT3Ga5oLxT2CCob2pgvh4nqypG1D7TAPZdMfHgdXaYgi8cx8rJHNVt9h1xl

แกลลอรี่