30 เมษายน วันชานมไข่มุกแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา

2 พฤษภาคม 2565

คณะแพทยศาสตร์

จุดเริ่มต้นวันชานมไข่มุกนั้น เริ่มมาจากร้าน Kungfu Tea ซึ่งเป็นร้านขายชานมไข่มุกเจ้าดังระดับโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เป็นผู้จุดประกายไอเดียกำหนดวันดังกล่าวขึ้นมา เพื่อให้เป็นวันชาติของคนรักชานมไข่มุก และสาเหตุที่เลือกเป็นวันที่ 30 เมษายนนั้น เนื่องจากเป็นวันก่อตั้งของทางร้านนั่นเอง
"ชานมไข่มุก" เครื่องดื่มยอดฮิต ติดเทรนด์เมนูนี้ หลายคนต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นเครื่องดื่มหวานๆ กินแล้วชื่นใจ แถมยังมีไข่มุกให้เคี้ยวหนุบหนับ กินแล้วเพลินๆ แต่รู้หรือไม่ว่าประโยชน์ และโทษ ของชาไข่มุกที่เรากินนั้นมีอะไรบ้าง ?


ข้อมูลโภชนาการพบว่า ชานมไข่มุก 1 แก้ว (16 ออนซ์) มีพลังงาน 300-500 กิโลแคลอรี (ขึ้นอยู่กับปริมาณระดับความหวาน) ชาไข่มุก ให้พลังงานค่อนข้างสูง โดยให้แคลอรี่เทียบเท่ากับกินอาหารตามปกติ 1 มื้อเลยทีเดียว
ประโยชน์ของชา
การดื่มชาที่ไม่มีน้ำตาลอาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เพราะชาส่วนใหญ่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มประสิทธิภาพของระบบไหลเวียนโลหิต อาจช่วยเสริมสร้างให้มีสุขภาพดี กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและร่างกายให้มีประสิทธิภาพ ชาสามารถชะลอความชรา และบำรุงผิวพรรณได้
อย่างไรตามแม้ว่าชาจะมีคุณประโยชน์ทางโภชนาการอยู่บ้าง แต่ส่วนประกอบในเครื่องดื่มชานมไข่มุกที่มีการเติมส่วนผสมของ นมผง น้ำตาลทราย น้ำเชื่อม นมข้นหวานในปริมาณมากๆ ก็อาจทำให้เกิดโทษมากกว่าประโยชน์ต่อร่างกายได้
การรับประทานชาเย็นไข่มุกบ่อย หรือครั้งละมากๆ จึงเพิ่มความเสี่ยงของโรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคต่างๆ ในระบบทางเดินโลหิตได้ ยิ่งเป็นน้ำปั่นชาไข่มุกที่มีการเติมครีมเทียมลงไป ซึ่งครีมเทียมส่วนมากผลิตจากไขมันปาล์ม ซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดอิ่มตัวที่ส่งผลต่อการเกิดโรคหัวใจ และโรคต่างๆ ในระบบทางเดินโลหิตได้ นอกจากนี้น้ำตาลในชานมไข่มุก อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพในช่องปากในเด็กที่อาจจะแปรงฟันยังไม่ค่อยดีพอ ส่งผลให้เกิดปัญหาฟันผุและสุขภาพช่องปากตามมาได้อีกด้วย
ข้อแนะนำในการดื่มชาไข่มุก
- หากวันไหนที่ดื่มชานมไข่มุก ควรลดการบริโภคอาหารประเภทข้าว แป้ง และน้ำตาลชนิดอื่นๆ โดยลดปริมาณลงครึ่งหนึ่งในมื้อหลัก
- ลดปริมาณน้ำตาลที่จะใส่ในชามุก หลีกเลี่ยงการเติมครีมเทียมลงในเครื่องดื่ม แล้วทดแทนโดยการเติมนมสดหรือนมพร่องมันเนยรสจืดแทน
-ควบคุมความถี่ในการดื่ม และไม่ควรดื่มชานมไข่มุกทุกวัน แต่ควรเป็นสัปดาห์ละ 1 – 2 แก้วเท่านั้น
-ควรหมั่นออกกำลังกาย เพื่อเผาผลาญพลังงานส่วนเกิน
อย่างไรก็ดีในปัจจุบันมีชานมไข่มุกทางเลือกเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสูตรหวานน้อย สูตรหญ้าหวาน สูตรไขมันต่ำ หรือไข่มุกจากบุก เป็นต้น เพียงแค่ลองปรับเปลี่ยนมาใช้ส่วนผสมที่เป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพ เชื่อว่าทุกคนจะมีสุขภาพที่ดีๆ ที่มาพร้อมความสุขในการดื่มเครื่องดื่มคู่ใจอย่างชานมไข่มุกอย่างแน่นอน
ข้อมูลโดย คุณนฤมิตร บ้านคุ้ม นักโภชนาการ งานโภชนาการ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


ภาพ / ข่าว : กลุ่มงานสื่อสารองค์กร
งานประชาสัมพันธ์
คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#MedCMU #MedCMUในมือคุณ
#คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
#สื่อสารองค์กรMedCMU
#วันชานมไข่มุกแห่งชาติ