รศ.นพ.นเรนทร์ โชติรสนิรมิต ผู้อำนวยการ โรงพยาบาล?มหาราชนครเชียงใหม่ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เล็งเห็นถึงความสำคัญของเทคโนโลยี 5G สนองรับนโยบายการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 5G ของรัฐบาล โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จึงได้มีการนำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาใช้เป็นตัวแปรสำคัญในการยกระดับการให้บริการทางด้านสุขภาพ พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีด้านต่างๆ ของโรงพยาบาล สู่การให้บริการประชาชนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ปัจจุบันโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้นำเทคโนโลยี 5G มาประยุกต์ใช้ โดยการส่งเสริมการบริการทางการแพทย์ผ่านเครือข่าย 5G ช่วยในการให้การปรึกษาและรักษาผู้ป่วยบนรถ Smart Ambulance แบบ Real Time สามารถส่งภาพและเสียงจากในรถและในที่เกิดเหตุผ่านระบบเครือข่ายสัญญาณ 5G เข้าสู่ศูนย์ประสานงานในโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ และสามารถเชื่อมต่อสัญญาณกับโทรศัพท์มือถือของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทันที ทำให้ผู้เชี่ยวชาญที่ปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาล สามารถมองเห็นเหตุการณ์และสังเกตอาการของผู้ป่วยได้ตลอดเวลาการปฏิบัติการ
เทคโนโลยี 5G ยังสามารถส่งข้อมูลสำคัญ เช่น สัญญาณชีพ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ ความดันโลหิตของผู้ป่วย ตรงไปยังแพทย์ได้ทันทีอีกด้วย ทำให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสามารถติดตามการรักษาผู้ป่วยได้อย่างใกล้ชิด รวดเร็ว ทั้งยังสามารถระบุตำแหน่งของรถพยาบาลได้ตลอดเวลา ทำให้การติดตามและการคาดการณ์ระยะเวลาที่จะนำส่งข้อมูลผู้ป่วยมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้อาการบาดเจ็บและโรคฉุกเฉินวิกฤตต่างๆ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด โรคเส้นเลือดสมองตีบ ฯลฯ สามารถได้รับการรักษา จำเพาะได้ตั้งแต่อยู่ในรถพยาบาล ที่สำคัญยังสามารถระบุตำแหน่งของรถพยาบาลที่กำลังเดินทางเข้ามายังห้องฉุกเฉินได้อย่างแม่นยำ ทำให้ลดภาวะแทรกซ้อน และลดอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยลงได้อย่างมาก
ทั้งนี้โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการให้บริการผู้ป่วยอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อก้าวสู่การเป็น “โรงเรียนแพทย์ในดวงใจ เพื่อยกระดับสุขภาวะมนุษยชาติอย่างยั่งยืน” ภายใต้ MED CMU ตามวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ เพื่อให้เป็น “โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยในดวงใจระดับมาตรฐานสากล” ในการให้การรักษาผู้ป่วยแบบบูรณาการที่เป็นเลิศ ยกระดับมาตรฐานสู่สากลและเป็นศูนย์การเรียนรู้ระดับนานาชาติต่อไป
เรียบเรียง : นางสาวนันทพร ระบิน
ภาพ / ข่าว : กลุ่มงานสื่อสารองค์กร
งานประชาสัมพันธ์
คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่