ใช้ชีวิตหลังเกษียณ อย่างมีค่า เพราะวัยเกษียณไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการทำงาน

10 ตุลาคม 2568
คณะแพทยศาสตร์

ใช้ชีวิตหลังเกษียณ อย่างมีค่า เพราะวัยเกษียณไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการทำงาน




ในอดีต “วัยเกษียณ” มักถูกมองว่าเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตการทำงาน แต่ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในสังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบของประเทศไทย ความคิดนี้เริ่มเปลี่ยนไป ผู้สูงวัยจำนวนไม่น้อยยังคงมุ่งมั่นทำงานหรือทำกิจกรรมที่มีคุณค่าแก่สังคม



แม้ว่ารัฐไทยยังคงกำหนดอายุเกษียณที่ 60 ปี แต่ในบางวงการ เช่น ตุลาการ หรือวงการแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนถึงอายุ 70 ปี โดยมีบทบาทสำคัญไม่แพ้คนวัยทำงาน นั่นสะท้อนให้เห็นว่าช่วงชีวิตหลังเกษียณไม่ได้หมายถึง “การหยุด” แต่คือ “การเปลี่ยนบทบาท”



หลายคนคิดว่าจะได้พักผ่อนอยู่บ้านอย่างสบาย แต่เมื่อถึงเวลาจริง กลับพบว่าความสุขนั้นเกิดขึ้นจากการได้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าและไม่หยุดนิ่ง



ร่างกายยิ่งอายุมากยิ่งต้องดูแลให้มาก
เมื่อเข้าสู่วัย 60 ขึ้นไป ร่างกายย่อมมีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ระบบต่างๆ อย่างหัวใจ สมอง ปอด ไต หรือแม้แต่ระบบย่อยอาหารก็ทำงานช้าลง ความฟื้นตัวจากอาการเจ็บป่วยก็ไม่เหมือนเดิม



หนึ่งในคำเปรียบเทียบที่น่าสนใจคือ “ร่างกายของเราเหมือนรถยนต์ที่ใช้งานมาแล้ว 60 ปี” ซึ่งต้องการการดูแลพิเศษ ไม่ใช่แค่การซ่อมแซมเมื่อเสีย แต่ต้องบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง



อาหารสำหรับวัยเกษียณ




• ลดแป้ง ไขมัน และน้ำตาล เพื่อหลีกเลี่ยงโรคเบาหวาน ความดัน และโรคหลอดเลือด

• เสริมโปรตีนที่ย่อยง่าย เช่น ไข่ เนื้อปลา ถั่ว และธัญพืช

• กินผัก ผลไม้ และอาหารที่อุดมด้วยวิตามินและแคลเซียม

• ดื่มน้ำให้เพียงพอ และลดการบริโภคอาหารแปรรูป



เคลื่อนไหวสม่ำเสมอ




การออกกำลังกายแม้เพียงเบาๆ เช่น เดิน โยคะ หรือยืดเหยียด ก็ช่วยรักษาความแข็งแรงและสมดุลของร่างกาย ลดความเสี่ยงในการหกล้ม และช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง



รถยนต์ที่จอดนานๆ จะสตาร์ทยาก ร่างกายคนเราก็เช่นกัน ถ้าไม่เคลื่อนไหวเลยจะเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว


ปรับสุขภาพจิตและอารมณ์ กุญแจสำคัญของวัยเกษียณ


สุขภาพจิตใจเป็นอีกมิติหนึ่งที่มักถูกมองข้าม ทั้งที่จริงแล้วเป็นสิ่งสำคัญมากในวัยหลังเกษียณ



เมื่อไม่มีงานประจำ ไม่มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบแบบเดิม หลายคนอาจเผชิญกับความรู้สึกว่างเปล่า เหงา หรือไร้ค่า การจัดการอารมณ์จึงเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝน



วิธีดูแลสุขภาพจิตหลังเกษียณ




• นอนหลับให้เพียงพอ เพราะการพักผ่อนอย่างมีคุณภาพส่งผลต่อทั้งกายและใจ

• ฝึกสมาธิหรือปฏิบัติธรรม เพื่อเพิ่มสติและควบคุมอารมณ์

• ทำกิจกรรมที่รัก เช่น ปลูกต้นไม้ ทำสวน อ่านหนังสือ หรือเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ

• เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาหรือชุมชน เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์และรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม



“ชีวิตหลังเกษียณไม่จำเป็นต้องเงียบเหงา ถ้าเรารู้จักเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ผู้คน และจิตใจของตัวเอง”



หางานอดิเรก หรือ “งานเล็กที่ยิ่งใหญ่”



หลายคนที่เกษียณแล้วยังคงมองหางานอดิเรก หรือแม้แต่งานอาสาสมัครเล็กๆ เพื่อเติมเต็มความรู้สึกมีคุณค่าในชีวิต บางคนปลูกต้นไม้ บางคนเขียนหนังสือ หรือบางคนกลับไปช่วยงานด้านที่เคยทำในอดีตในฐานะที่ปรึกษา



“ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนเดิม แค่เลือกงานที่เรารัก และพอเหมาะกับสภาพร่างกายก็พอ”





การมีสิ่งที่ “อิน” กับมันในแต่ละวัน จะทำให้การใช้ชีวิตมีเป้าหมายเล็กๆ แต่มีพลังอย่างมาก ทั้งต่อตนเองและสังคมรอบข้าง



ข้อคิดทิ้งท้าย ชีวิตที่มีค่าไม่ได้วัดจากอายุ




การเตรียมตัวสำหรับวัยเกษียณไม่ใช่เพียงเรื่องเงินออม หรือสุขภาพร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของ “ทัศนคติ” และ “วิธีคิด” ที่จะทำให้แต่ละวันมีคุณค่า



“แก่แล้ว… ก็แค่ตัวเลข หากใจยังพร้อมจะเรียนรู้ ก็ไม่มีคำว่าสายเกินไป”


หลัก10 อ. เข้าใจง่าย
อ.1 อาหาร

อ.2 ออกกำลังกาย

อ.3 อนามัย

อ.4 อุจจาระปัสสาวะ

อ.5 อากาศ แสงอาทิตย์

อ.6 อารมณ์ จิตใจ

อ.7 อดิเรก อ.8 อบอุ่น

อ.9 อุบัติเหตุ

อ.10 อนาคต

วัยเกษียณจึงไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิตที่มีคุณค่า แต่คือบทใหม่ ที่เราสามารถเขียนด้วยมือของเราเองให้เต็มไปด้วยสุขภาพดี ความสุข และความหมาย



ขอบคุณข้อมูลจาก :ผศ.ดร.นพ.อภินันท์ อร่ามรัตน์ อาจารย์พิเศษประจำภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มช.

เรียบเรียง : นางสาวนันทพร ระบิน

ภาพ / ข่าว : งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่



#สุขภาพดีไม่มีวันเกษียณ #เทคนิคการดูแลสุขภาพ #วัยเกษียณ #สุขภาพดีกับหมอสวนดอก #MedCMU #คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ #แพทย์เชียงใหม่ #แพทย์มช #หมอสวนดอก #โรงพยาบาลสวนดอก #Medcmuในมือคุณ #สื่อสารองค์กรMedcmu

แกลลอรี่