มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โชว์ศักยภาพโดดเด่น ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ผงาดรับรางวัลสุดยอดแห่งปี “Climate Action Excellence”

18 กันยายน 2568
ศูนย์สื่อสารองค์กรและนักศึกษาเก่าสัมพันธ์

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โชว์ศักยภาพโดดเด่น ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ผงาดรับรางวัลสุดยอดแห่งปี “Climate Action Excellence”

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยศูนย์วิจัยและนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงาน ได้รับเกียรติจากสถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มอบรางวัล “Climate Action Excellence” ในงานสัมมนาวิชาการประจำปี 2568 CCI Climate Change Forum 2025 ณ อาคารเอ็มทาวเวอร์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา

ศูนย์วิจัยและนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงาน เป็นหนึ่งในองค์กรหลักที่ขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนและการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นระบบ ล่าสุด มหาวิทยาลัย นำโดย รองศาสตราจารย์ประเสริฐ ฤกษ์เกรียงไกร รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้แทนเข้ารับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทผู้นำของมหาวิทยาลัยในการขับเคลื่อนสังคมสู่ความยั่งยืนและการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับประเทศ รางวัล Climate Action Excellence เป็นการยกย่ององค์กรที่มีความโดดเด่นในการดำเนินงานด้านการลดก๊าซเรือนกระจก (GHG Reduction), การใช้พลังงานสะอาดและพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Transition) รวมถึงการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน (Sustainable Resource Management) จนสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับสังคมและภาคอุตสาหกรรมได้อย่างชัดเจน

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้รับรางวัลนี้ในฐานะสถาบันการศึกษาแห่งเดียวที่ได้รับการยอมรับในระดับ Climate Action Excellence เคียงข้างกับองค์กรและบริษัทชั้นนำของประเทศไทยในกลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยความสำเร็จนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของมหาวิทยาลัยในการพัฒนาและขับเคลื่อนแผนงาน Carbon Neutrality อย่างครบวงจร โดยครอบคลุม 5 ด้านสำคัญ ได้แก่
1. การติดตามปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint Monitoring) ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มและแผนการจัดการข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใส
2. การลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG Mitigation) ผ่านมาตรการประหยัดพลังงาน ส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน และการจัดการของเสียอย่างยั่งยืน
3. การดูดกลับ ดักจับ และกักเก็บก๊าซเรือนกระจก (GHG Removal, Capture & Storage) โดยใช้เทคโนโลยี CCUS การสร้างแหล่งกักเก็บคาร์บอน รวมถึงการพัฒนาระบบคาร์บอนเครดิตและคาร์บอนออฟเซ็ต
4. การปรับตัวและความสามารถในการฟื้นตัว (Climate Adaptation & Resilience) เสริมสร้างความยืดหยุ่นของระบบและเตรียมความพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ
5. การถ่ายทอดองค์ความรู้ วิจัย และการทำงานร่วมกับสังคม (Education, Research & Community Outreach) พัฒนาองค์ความรู้ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ถ่ายทอดสู่การเรียนการสอน พร้อมทั้งสร้างศูนย์ฝึกอบรมและประสานความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ

ภายในงานเดียวกันนี้ สำนักบริการวิชาการ (UNISERV) ได้รับรางวัล “Climate Action Initiating” ซึ่งการจัดงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและเชิดชูหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรจากทุกภาคส่วนที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมสร้างแรงจูงใจและเปิดโอกาสให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างองค์กรต่าง ๆ

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์งานวิจัย นวัตกรรม และการจัดการด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง การได้รับรางวัลนี้ไม่เพียงเป็นเกียรติยศของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันว่ามหาวิทยาลัยไทยสามารถยืนหยัดในระดับเดียวกับองค์กรธุรกิจชั้นนำของประเทศ ในการขับเคลื่อนเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยสู่การเป็น “Carbon Neutral University” มุ่งสู่การเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตที่ยั่งยืนทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

แกลลอรี่